From No to On - The Next Gen of Sneakers

On แบรนด์รองเท้าวิ่งที่มาแรงสุดๆ ในรอบ 10 ปี พวกเขาคือใคร? เกิดมาได้ยังไง? และอะไรคือเทคโนโลยี CloudTec ที่ทำให้พวกเขาติดอันดับรองเท้าวิ่งที่ดีที่สุด? อ่านเลยที่ SASOM!

...

On แบรนด์รองเท้าที่เปลี่ยนคำปฏิเสธให้เป็นความเชื่อ

ความฝันที่จะสร้างอะไรสักอย่างขึ้นมา ทุกคนคิดว่ามันจำเป็นต้องใช้อะไรบ้าง? เงินทุน? ไอเดีย? คอนเนกชั่น? หรือว่าแค่เริ่มจาก “ความเชื่อ” ก็ได้เหมือนกัน และวันนี้ SASOM แน่ใจว่าหลายคนอาจจะพอคุ้นหูแบรนด์รองเท้าวิ่งน้องใหม่ที่มาแรงสุดๆ ในช่วงทศวรรษนี้อย่าง On หรือที่ทุกคนคุ้นปากกันดีอย่างรองเท้า on, on cloud, on running ที่แม้ว่าจะเป็นหน้าใหม่แต่ไฟแรง สะเทือนวงการ Sneakers จนขนาดแบรนด์ยักษ์ๆ หลายแบรนด์ อาทิ Nike และ adidas ยังต้องมีสะอึก แต่ทำไมแบรนด์ที่เพิ่งก่อตั้งมาเพียงสิบกว่าปี ถึงได้ยิ่งใหญ่และเป็นขวัญใจคนได้ขนาดนี้ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา SASOM จะพามาย้อนดูอดีตของรองเท้า on cloudแบรนด์ที่มุ่งมั่นจะพามนุษย์ไปวิ่งอยู่บนฟ้า

...

จุดเริ่มต้นรองเท้า On Cloud ที่โดนตอกหน้าว่า No ตั้งแต่เริ่ม

จุดเริ่มต้นของแบรนด์รองเท้า On Cloud อาจจะต้องย้อนกลับไปวันวานของผู้ก่อตั้งคนสำคัญอย่าง Olivier Bernhard ซึ่งในวัยเด็กของ Bernhard ก็ไม่ได้แตกต่างจากเด็กทั่วไปในยุคเดียวกันมาก จัดเป็นเด็กน้อยปกติที่อาจจะมีความโดดเด่นนิดหน่อยตรงที่เขาเหมือนจะเป็นเด็กซุกซน ไม่สามารถจดจ่อกับอะไรนานๆ ได้ ซึ่งถ้าป้าข้างบ้านในไทยมาเห็นก็อาจจะบอกว่า “เด็กคนนี้มันเป็นสมาธิสั้นชัวร์” แต่ดีที่ว่าพ่อแม่ของ Bernhard ไม่ได้คิดแบบนั้น พวกเขาคิดว่าลูกของเขาแค่เป็นเด็กมีเอเนอจี้เหลือล้นก็เท่านั้น เพราะงั้นถ้าพลังมันเยอะ ก็ให้ปลดปล่อยออกมาซะก็สิ้นเรื่อง นั่นทำให้พ่อแม่ของพา Bernhard ไปเล่นกีฬา และทำให้ได้พบกับ ‘การวิ่ง’ เป็นครั้งแรก มันคงราวกับหัวใจที่ได้ตกหลุมรัก เพราะหลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยหยุดวิ่งอีกเลย เขาเคยบอกว่าการวิ่งอยู่ในสายเลือดไปแล้ว เขาเริ่มแข่งวิ่งตั้งแต่อายุราว 5-6 ขวบเท่านั้น และสนุกกับมันมากๆ โดยไม่ได้หวังเหรียญหรือชัยชนะอะไร สำหรับเขาแล้วการวิ่งมันเป็นเรื่องของความรู้สึกขณะวิ่ง ลมหายใจ และจังหวะหัวใจ ซึ่งถือว่า Olivier Bernhard รักกีฬาประเภทนี้แล้วจริงๆ

“I would say I’ve had this DNA in me. I started racing when I was 5 or 6 years old, and I enjoyed it. Maybe not so much to climb the podium and claim a medal. It was more the feeling of running, the breathing and heartbeat.”

และเพราะความรักในกีฬานี้แหละคือที่มาของแชมป์รายการ Ironman 6 สมัย และแชมป์ทวิกีฬา World Duathlon อีก 3 สมัย ซึ่งรายการพวกนี้ถือว่าเป็นด่านพิสูจน์ความหฤโหดในการใช้ร่างกายอย่างมาก เพราะฉะนั้นอุปกรณ์อย่างรองเท้าวิ่งเนี่ย ถือว่าเป็นกระบี่คู่กายของนักกีฬาที่ต้องเลือกสรรเป็นอย่างดี

นั่นทำให้หลังจากรีไทร์ในปี 2009 Olivier Bernhard ที่ผ่านการใช้งานรองเท้าวิ่งมานับไม่ถ้วน มีประสบการณ์สะสมไว้อย่างคับคั่ง เขารู้แล้วว่ารองเท้าแบบไหนดีหรือไม่ดี อะไรเหมาะกับการใช้งานสไตล์ไหน จนถึงขั้นที่ว่าเขายังรู้อีกว่ามันมีรองเท้าที่ดีได้มากกว่านี้ ซึ่งตัวเขาเองก็ยังไม่เคยเจอ และนั่นเป็นที่มาของการตามหารองเท้าในฝัน จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์รองเท้า On Cloud แบรนด์รองเท้าวิ่งคู่เดียวที่ขออาสาพาเราไป “Running On Cloud”

แต่ก็ใช้ว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนของเขานะครับ ถึงแม้จะมีดีกรีเป็นถึงแชมป์ Ironman หลายสมัย แต่ก็ไม่การันตีว่าจะไปขอทุนใครมาทำแล้วจะได้ เพราะ Olivier Bernhard เคยหอบเอารองเท้า On Cloud ตัว Prototype ไปเสนอให้กับแบรนด์ที่เป็นสปอนเซอร์ให้เขา ณ เวลานั้น อย่าง Nike เพื่อที่ว่าจะได้มีทุนไปพัฒนาต่อ ซึ่งหลายคนก็คงคิดว่าน่าจะลุล่วงไปได้โดยดี เพราะรองเท้านี้มันก็มาจากนักกีฬาที่ตัวเองสปอนเซอร์อยู่ แถมมีชื่อเสียงไม่ไก่กา แต่พอเอาเข้าจริงแบรนด์ Nike ที่มีสโลแกนทรงพลังอย่าง “Just Do It” กลับเลือกจะปฏิเสธว่า “No” จนเราถึงกับงงว่า อ้าวเห้ย! พอถึงคราว Bernhard จะขอ “Do It” สักตั้ง ทำไมพี่เล่นแทงสวนกลับมางี้อะ คือแบบนี้ครับ Nike คิดว่ารองเท้าวิ่งในตลาดมันมีเยอะแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำออกมาอีกหรอก ในสายตาของ Nike มันก็คงไม่ต่างอะไรกับการลงทุนเปล่า

ซึ่ง Berhard ก็ออกมาบอกในภายหลังนะครับว่า ถ้าตัวเขาเป็นบอร์ด Nike ที่ฟังการ Pitching อยู่ ณ ตอนนั้น เขาก็คงหัวเราะก๊ากและไม่ให้ทุนเช่นกัน ถามว่าทำไมน่ะเหรอ? ก็ดีไซน์ Prototype ของรองเท้า On Cloud มันห่วยเอามากๆ จนเขาขนานนามว่า Frankenstein เพราะมันทำมาจากรองเท้าวิ่งธรรมดาที่ติดกาวกับท่อสายยาง ดูเลอะๆ ดิบๆ ให้อารมณ์ตัดแปะเหมือนกับผีดิบแฟรงเกนสไตน์ แม้กระทั่ง Caspar Coppetti และ David Allemann เพื่อนอีกสองคนที่ Bernhard ไปชวนมาลงทุนด้วย ตอนเห็นดีไซน์ต้นแบบของ On Running ก็ยี้ไม่ต่างกัน แต่พอได้ลองสวมใส่ใช้งานเท่านั้นแหละ มันค้นละเรื่องอย่างกับหน้ามือเป็นหลังมือ ซึ่งนี่แหละครับคือสิ่งที่ Olivier Bernhard เชื่อมาตลอด…เขาไม่รู้หรอกว่ารองเท้ามันผลิตยังไง พื้นฐานการออกแบบเป็นเช่นไร สำหรับเขาแล้ว มีเพียงสิ่งเดียวที่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด ก็คือรองเท้าวิ่งในฝันนั้น “มันควรต้องรู้สึกยังไง” ต่างหาก

...

On Cloud การชนะที่หอมหวานคือการชนะตนเอง

Bernhard บอกว่าการทำรองเท้าวิ่ง On Cloud มันคืออุปสรรคอันใหญ่หลวงที่เขาต้องเผชิญ เขาไม่ได้ต้องการสร้างรองเท้าวิ่งคู่ใหม่ให้กับโลก แต่เขาอยากสร้างรองเท้าวิ่งที่แตกต่างต่างหาก เพราะฉะนั้นโจทย์ของมันคือความท้าทายที่ว่า ทำยังไงจะแตกต่าง? เพราะมันอาจไม่ต่างอะไรกับการวาดภาพฝันกลางวันด้วยซ้ำ แถมข้อจำกัดต่างๆ อย่างการถูกปฏิเสธจาก Nike ความไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับหลักการสร้างรองเท้าวิ่งเลย ปัจจัยเหล่านี้อาจทำให้เขาไม่ถึงเมฆอย่างที่หวังไว้ก็เป็นได้ แต่การเป็นนักกีฬาตั้งแต่เด็กสอนหลายสิ่งหลายอย่างให้กับ Oliver Bernhard และ 2 อย่างที่สำคัญในการสร้างแบรนด์ของเขานั้นคือ ‘วินัย’ และ ‘การรอคอย’ นั่นทำให้เขาซุ่มพัฒนา อดทน เหมือนกับวันที่เขาอดทนฝึกฝนร่างกายอย่างแข็งขัน วิ่งขึ้นภูเขา ผ่านสายฝนลมหนาวเพื่อเป็นผู้ชนะ…เพื่อเป็นแชมป์! เพราะสำหรับไตรกีฬานั้น อุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือ ‘ตัวของเราเอง’ และอย่างที่เรารู้กันว่าท้ายที่สุด ชัยชนะอันหอมหวานมันก็ได้กลายเป็นผลลัพธ์อย่าง CloudTec นั่นเอง!

โดย CloudTec ถือเป็นรากฐานสำคัญของ On Running ซึ่งทำงานโดยมีพื้นรองเท้าลักษณะเป็นแคปซูลกลวงที่ยุบตัวเมื่อเท้าสัมผัสพื้นและขยายออกในจังหวะถีบตัว ช่วยซับแรงกระแทกและส่งแรงกลับเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวิ่ง มันได้รับแรงบันดาลใจจากสายยางที่ Bernhard ติดรองเท้าตัว Prototype นั่นแหละ แต่อีกหนึ่งอย่างที่สำคัญของรองเท้าวิ่ง On Cloud ก็คือ Speedboard แผ่นรองที่ฝังอยู่ในพื้นรองเท้า ออกแบบมาให้ปรับตัวตามการเคลื่อนไหวของคนใส่ ซึ่งยังช่วยไม่ให้รองเท้ายวบเกินไปอีกด้วย อีกทั้งรองเท้าวิ่งไม่ว่าจะเป็น On Cloud, On Running, Cloudventure, Cloudrock, On Cloudtilt หรือรองเท้า performance running shoes จาก On คู่ไหนๆ ก็ตาม 2 เทคโนโลยีนี้ถือเป็นหัวใจและรากฐานของแบรนด์ จนขนาดที่ว่าผู้บริหารเอ่ยปากเองว่า ถ้าไม่มีเทคโนโลยีทั้งหมดนี้ On ก็คงไม่มีวันเป็นจริง

และหลังจากสุ่มพัฒนามานาน ในปี 2010 หลังจากที่พวกเขาเปิดตัวรองเท้าวิ่ง On Cloud คู่แรกออกมา พวกเขาก็ได้กลายเป็นปรากฏการณ์ เพราะชนะรางวัล ISPO Brand New Award ซึ่งเป็นเวทีสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัปสายกีฬา ดึงดูดนักลงทุน จนสามารถสเกลบริษัทได้สำเร็จ จนในปี 2019 Roger Federer ตำนานแชมป์แกรนด์สแลม 20 สมัย ก็ได้เข้ามาร่วมลงทุนและพัฒนา รองเท้าเทนนิสรุ่น The Roger อีก แถมในปี 2024 StockX ยังจัดอันดับให้ On เป็น 1 ในบริษัทรองเท้าที่มีการเติบโตไวที่สุดแห่งปี ซึ่งสามารถสร้างยอดขายโตจากปี 2023 ได้ถึง 63% จากการขายรองเท้าวิ่ง On Cloud 5 and Cloud Monster นั่นเอง และถือได้อีกว่า On เป็นแบรนด์ที่เติบโตไวสุดๆ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาอย่างไม่ต้องสงสัย ความนิยมของพวกเขาแข็งแกร่งขนาดที่ในยุคโควิด ยุคที่บริษัทหลายๆ ที่ปิดตัว แต่ยอดขายของรองเท้า on กลับเพิ่มขึ้นเฉยเลย เกือบ 50,000 ล้านบาท จนทำให้พวกเขาผ่านพ้นวิกฤตในช่วงนั้นมาได้แบบไม่สาหัสใดๆ

รองเท้าวิ่ง On Running ที่ SASOM แนะนำ

สำหรับรองเท้า On ที่วางขายอยู่บน SASOM ตัวที่น่าสนใจคือ รองเท้า On Running Cloud 5 Undyed White ที่วางจำหน่ายพร้อมส่งในราคา 4,990 บาทเท่านั้น

และตัวใหม่ล่าสุดอย่างรองเท้าวิ่ง On Cloud 6 ที่เสริมเทคโนโลยีแน่นขึ้น วัสดุดีขึ้นแต่ยังคงคอนเซปต์เบาสบายใช้งานง่ายเหมือนเดิม โดยราคาเริ่มต้นที่ 5,500 บาท

สรุป On Running เปลี่ยนจาก “No” เป็น “On”

On เป็นแบรนด์รองเท้าวิ่งที่เริ่มต้นจาก “ความเชื่อ” และแรงผลักดันของ Olivier Bernhard นักกีฬา Ironman 6 สมัย ที่ต้องการสร้างรองเท้าวิ่งที่มอบประสบการณ์การเคลื่อนไหวที่เหนือชั้น ถึงแม้จะถูกปฏิเสธจากแบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง Nike แต่ด้วยความมุ่งมั่นและการพัฒนาต่อเนื่อง ทำให้ On กลายเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเทคโนโลยีหลักของรองเท้า On อย่าง CloudTec และ Speedboard ช่วยให้รองเท้ามีความนุ่ม เบา และรองรับแรงกระแทกได้ดี และทำให้ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มนักวิ่ง และคนรักรองเท้าสนีกเกอร์ โดยเฉพาะรุ่นยอดฮิตอย่าง Cloudventure, Cloudrock, Cloudtilt และ Cloud 5 ที่ช่วยให้ On สามารถแข่งขันกับแบรนด์ระดับโลกได้ และเหมือนเป็นการตบหน้าแบรนด์ยักษ์ใหญ่ว่า “แบรนด์ที่มีของ แม้ว่าจะเล็กแค่ไหน ก็คือของจริง”

สุดท้าย On ไม่ใช่แค่รองเท้าวิ่งธรรมดา แต่เป็นแบรนด์ที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณของนักสู้ ที่เปลี่ยนจากคำว่า “No” ให้กลายเป็น “On” และพาพวกเราทุกคน Running On Cloud ได้สำเร็จ!

และเพื่อนๆ คนไหนต้องการเป็นเจ้าของรองเท้าวิ่ง On ทุกรุ่นแล้วล่ะก็ สามารถซื้อขายได้ที่ www.sasom.co.th หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน SASOM ได้ทั้ง iOS และ Android

จำไว้ว่า SASOM ของแท้ต้องผ่านแอปเท่านั้น!

บทความแนะนำ

    From No to On - The Next Gen of Sneakers | SASOM